(ไม่ได้โดนเท้าใครน่ะ) มันเป็นธรรมชาติของต้นไม้ที่พอถึงช่วงน้ำน้อย (แถวบ้านเรียกแล้ง) ใบไม้เริ่มร่วงนักเรียนคนที่ได้ทำความสะอาดใต้ต้นไม้นับว่าโชคดีมากๆ เพราะได้กวาดเยอะกว่าเพื่อน ฮ่าๆ (ได้กำไรใช้เวลาเท่ากันกรูได้กวาดเยอะกว่า)
ชีวิตใต้ร่มดอกจานเป็นความรู้สึกที่ยากจะลืมเลือน บรรยากาศยามเช้า จะมีเสียงไล่ให้นักเรียนทำความสะอาด ก็จะมีทั้งหน่วยงานภายนอก(พวกที่คอยทำความสะอาดนอกโรงเรียน ทำให้ร้านค้าแถวนั้นสะอาดขึ้น) และหน่วยงานภายในที่คอยทำความสะอาด ร่มทองกวาวของเรา ประธานนักเรียนใจช่วงที่ผมเรียน ม.ปลายนั้น สุดยอดตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ สงสัยมันจะเกร็ง ยังทำอะไรไม่คล่อง พอช่วงหลังๆเริ่มเก๋าเกมส์ ลูกสมุนเพียบ ยกโขยงมาทั้งห้อง (ทั้งห้องมีผู้ชาย เจ็ดคน) ไปที่ไหนเสียงต้องไปก่อนเพื่อแหวกทาง เป็นการส่งสัญญาณเตือน พวกขาใหญ่ทั้งหลาย ชีวิตม.ปลายเป็นช่วงที่เริ่มได้เรียนรู้ความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เริ่มรู้จักรับผิดชอบ (ผู้หญิงเริ่มมีครอบครัวแระ ฮ่าๆๆ) แต่เวลามันเหมือนรถเฟอรารี ติดไนตรัสออกไซ ต่างจากตอนเข้าม.หนึ่งใหม่ๆ เพียงแค่สามปี สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเพียงความทรงจำ แต่ร่มทองกวาวยังคงอยู่คอยเป็นร่มเงาปกป้องเด็กน้อยจากความโง่เขลา ใบไม้ที่ร่วงโรยฝึกเด็กน้อยให้อดทน ขยัน รากที่ยั่งลึกคอยตืนเด็กน้อยว่าการศึกษาจะทำให้รากฐานของชีวิตมั่นคง ยอดทองกวาวที่คอยแทงยอดขึ้นสูงเรื่อยๆ เสมือนย้ำให้เด็กน้อยได้รู้ว่าแม้จะมีความรู้แล้วก็ไม่ควรหยุดที่จะเรียนรู้ จงมุ่งมั่น ถึงยอดทองกวาวจะถูกตัด ทองกวาวก็ไม่เคยร้อง ไม่เคยบ่น
เหมือนจะบอกเราว่า ชีวิตนี้หากจะยืนอยู่บนโลกอย่างสง่าต้องเจออุปสรรคนับพัน แต่ให้เราอดทน มุ่งมั่นสู้ต่อไป อย่าได้โทษใคร เชื่อมั่นในตัวเรา ยืนหยัดบนจุดสูงสุด ............
คิดถึงร่มดอกจาน
51 จ้าาาา